ตากข้าวบนถนน จำเป็นหรือมักง่าย!! ตอนที่ ๑

"ตากข้าวบนถนน
จำเป็น หรือมักง่าย ตอนที่ 1"
.
สาเหตุที่ต้องทำเป็นตอน
เพราะการตากข้าว มีวิวัฒนาการ
ตามยุคตามสมัย ตามเศรษฐกิจ
.
.
.
ผมขอเล่าย้อนถึงวิธีการเกี่ยวข้าว
เอาแบบตั้งแต่เกิดมาก็จำความได้
ที่ตายาย พาทำมาคือ การเกี่ยว
ตากในพื้นนาเลย ตามภาพแต่ละแคปชั่น
.
ก่อนอื่นต้องเข้าใจหัวใจของ
การเก็บเมล็ดข้าว เอาไว้ทำพันธุ์
เอาไว้กิน หรือเอาไว้ขาย
จะต้องไม่มีความชื้น เพราะจะทำให้
เกิดการงอกในยุ้ง หรือหนักจนขึ้นรา
ทำใ้ห้ข้าวเน่า เสียหายในที่สุด
นำไปขาย ก็เจอกลไก การตรวจความชื้น
หักราคาจากระบบโรงสี
.
.
เฟส(phase)แรกนี้
ยกตัวอย่างการทำนาของชาวนาอิสาน
คือ เกี่ยวข้าว ตากบนตอซังข้าวนั่นละ
2-3 แดด จนข้าวแห้งได้ที่
การเกี่ยวข้าวด้วยมือ—> http://bit.ly/2rlaCAO
.
ฝ่ายเก็บกู้ จะนำตอกไม้ไผ่
มามัดเป็นฟ่อน กองรวมกันไว้
ให้ฝ่ายเก็บขึ้นรถ ขนไปลงไว้ที่ลาน
.
เคยได้ยินคำว่าขนข้าวขึ้นลานกันใช่ไหมครับ?
สมัยก่อน ลานที่ว่านี้
จะทำได้โดยถากถางดิน เอาต้นหญ้าออก
ให้ราบเรียบ แล้วใช้ขี้ควายแห้ง
ผสมน้ำ มาฉาบ ทา เหมือนฉาบปูน
พอขี้ความแห้ง นำฟ่อนข้าวมากอง
เม็ดข้าวก็จะไม่จมดินหายไป
สามารถใช้ไม้กวาดธรรมชาติ(ต้นขันมอญ)
มาปัดกวาดเม็ดข้าวได้อีก
การทาลานสำหรับนวดข้าว http://bit.ly/2CxBpMw
.
.
เมื่อข้าวขึ้นลานเสร็จ
ก็จะมีการลงแขก ขอแรง
ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
มาช่วยกัน"ตีข้าว" หรือ "นวดข้าว"
.
สมัยผมเป็นเด็ก จะชอบไปช่วย
บ้านตารส กับยายเผียด
เพราะแกจะใส่เหล้าสาโทหวานอร่อย
มีต้มไก่บ้าน ลาบไก่
.
ที่พวกพี่ๆที่เป็นบ่าว(เป็นหนุ่ม)
ชอบเอากัญชามาใส่ต้มไก่
รสชาตินี่ เด็ดขนาดเลย สุดเท่านั้น
.
.
การนวดข้าว นิยมนวดกัน
ตอนกลางดึก เพราะอากาศเย็น
จนเข้าขั้นหนาวเลยช่วงเดือน พย.-ธค.
นวดไป ก่อไฟ กินเหล้าสาโทกันไป
นึกภาพ จะฟินขนาดไหน
.
.
การตีข้าว จะมีอาวุธประจำมือ
คือท่อนไม้ไผ่ ผูกเชือกตรงปลาย
สำหรับล็อคฟ่อนข้าว
เพื่อฟาดให้เม็ดหลุดจากรวง
.
ใครทำนาดี สมบูรณ์
ฟ่อนข้าวจะหนัก ฟาด 2-3 ที
เม็ดข้าวก็จะหลุดออกจนหมด
คนออกแรง ก็ไม่เหนื่อยมาก
การนวดข้าวด้วยแรงคน --> http://bit.ly/2CvZUtu
.
.
พอนวดข้าวเสร็จ
ก็ขนข้าวขึ้นเก็บบนยุ้งฉาง
ด้วยการลำเลียงใส่กระสอบ
ขึ้นไปเทไว้ โรงเรือนโล่งโปร่ง
อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น

.
จะกิน ก็ตักลงมาสี
จะขาย ก็ตักใส่กระสอบขนไปโรงสี
หรือใครจะขายเลย ตีเสร็จ
ก็เอารถมาขนเข้าตลาด จบขั้นตอน
.
.
.
เอ๊ะ ทำไมไม่มีการตากข้าวบนถนนเลย
สงสัยกันไหมครับ??