Last updated: 29 ก.ย. 2566 | 1039 จำนวนผู้เข้าชม |
วันนี้เราได้สูญเสียป้าใหญ่ พี่สาวของแม่
ในตระกูลชาวนาที่ทำนา สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
.
ผมไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง ที่จะสื่อให้ผู้อ่าน
ทราบถึงเรื่องภายในของเรา ที่ผมเชื่อและมั่นใจว่า
ครอบครัวชาวนาคนอื่น ๆ ก็คงมีเรื่องราวการต่อสู้ แบบนี้ หรืออย่างน้อย
คงคล้าย และใกล้เคียงกัน
.
.
ป้าเป็นพี่สาวคนโต ในบรรดาลูก 6 คน
ตายายของผม ทำนา ท่านที่ติดตามโมเดลชาวนาขายข้าวเองมานาน
คงพอนึกภาพออก เพราะผมลงบทความที่เกี่ยวข้องกับพวกท่านบ่อย ๆ
.
เรื่องของเรื่อง ที่อยากพูดถึงคือ
ตายายทำนา มีลูก 6 คน ในสมัยก่อน
ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก
.
อาศัยที่ต้องทำนา เลี้ยงปากท้อง ลูกเมียแล้ว
ยังต้องอาศัยเงินจากการขายข้าว ขายมันสำปะหลัง
ขายอ้อย ขายแตงโม เรียกได้ว่า ปลูกอะไรขายได้ ก็ปลูกหมด
.
เพื่อส่งให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือ
นี่คือ"วิสัยทัศน์" ของตายาย บรรพบุรุษชาวนา
ที่วางไว้ เมื่อ 50-60 ปี
.
แม้กระทั่งผม มีโอกาสได้อยุ่กับท่าน
ในตอนเด็ก ท่านจะสอนเสมอว่า
"ให้ตั้งใจเรียนหนังสือ"
"อย่ากลับมาทำนา"
"สอบให้ได้ทำงานในหน้าที่การงานสูงๆ"
.
.
เริ่มมองเห็นความเหมือนหรือยังครับ
พี่น้องชาวนา หรือครอบครัวอื่น ๆ
.
ป้า เป็นลูกคนโต ในบรรดาพี่น้อง 6 คน
ตากับยาย ให้เรียนจบแค่ ป.4 แล้วให้ออกมาทำนา
เพื่อเลี้ยงน้อง เน้นย้ำ คือ พี่คนโต เสียสละ ทำนาเลี้ยงน้อง
นี่คือวัฒนธรรมของชาวนาอิสาน(และชาวนาที่อื่นคงเป็นเหมือนกัน)
.
เพราะถ้าพี่คนโตเรียน
น้อง ๆ ก็จะไม่ได้เรียน
เห็นไหม ว่าชีวิตชาวนาเรา ไม่ได้เพิ่งมาลำบากในวันสองวัน
พวกเราลำบาก มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้วโว้ย
.
.
ป้า เสียสละ ทำนาช่วยตายาย
เพื่อส่งเสียให้น้อง ๆ ได้เรียน
และน้อง ๆ ทุกคน ก็ไม่ทำให้ตายาย และ ป้า ผิดหวัง
ทุกคนได้เรียนสูง จบปริญญาทุกคนในรุ่นพ่อแม่ของผม
สิ่งที่ภาคภูมิใจคือ เมื่อพิธีกร อ่านตำแหน่งของแต่ละคน
ถือว่าสูงมาก ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด สำหรับตระกูลชาวนา
.
คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา
ยังได้นำวิสัยทัศน์ของตายายมาสานต่อ
ด้วยการส่งให้รุ่นลูก คือพวกเรา ได้เรียน มีโอกาสเข้าถึการศึกษา
.
ได้เข้าโรงเรียนดีดี เช่น พี่สาวท่านนึง จบจากจุฬาฯ
ผมเอง จบ ร.ร.เตรียมทหาร ฯลฯ
นี่คือสถาบันระดับประเทศทั้งนั้นนะ
จากลูก หลานชาวนาบ้านนอก
ที่มีไฟ และความใฝ่ฝัน ที่กล้าพาความเป็นชาวนา
ไปอวดสายตาชาวประชาให้ได้
.
.
ตอนเป็นเด็ก แม่จะเล่าให้ฟังเสมอว่า
ที่พวกแม่ได้เรียน ได้มาเป็นครู
ก็เพราะ"ป้า" เสียสละ ไม่เรียนต่อ
ช่วยตายายทำนา เพื่อให้แม่และน้าๆ คนอื่นๆ ได้เรียน
.
ถ้าเราได้ทำงาน ดี มีฐานะมั่นคง
อย่าลืมนะว่าป้า เคยเสียสละให้พวกแม่ได้มีวันนี้
มีขนม มีข้าวของ ติดไม้ติดมือ นำไปฝากท่าน
"จงระลึก ถึงความดี ที่ท่านเคยเสียสละให้พวกเรา"
นี่ละ ชีวิตหลังความตายของชาวนาที่ผมพยายามสื่อ
.
.
ผมพยายามเรียบเรียง
เพื่อให้บทความนี้ออกมาสละสลวย
ลงตัว เพื่อสื่อถึง"รากเหง้า"ของพวกเรา
ว่าพวกเราเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปไหน
แต่ก็ทำได้ดีสุดของเขียน แค่นี้
.
.
วันนี้ ของที่ระลึกในงาน
ญาติๆ ทุกคน ลงความเห็นว่า
เราจะแจก"ข้าวหอมมะลิ"
.
ข้าวที่ ตายาย ป้า เคยทำนา
ส่งเสียให้คนรุ่นพ่อแม่ ได้เรียนสูง ๆ
จนส่งผ่านมาถึงคนรุ่นลูก ได้มีโอกาส จนมีวันนี้
.
.
นี่คืออีกเหตุผลนึง ของความไม่ยอมแพ้ของ
E-Rice Thai farmers.
หรือ โครงการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร
ที่เราจะไม่มีวันล้มเลิกหรือยุติโครงการ
ไม่ว่าจะต้องฝ่าฟัน ไปอีกกี่ปีก็ตาม
ตามรอยการต่อสู้ของบรรพบุรุษของเรา
28 ม.ค. 2564
28 ธ.ค. 2566
30 ต.ค. 2567