ที่มาของข้าวจากชาวนาที่เข้าร่วมโครงการชาวนาขายข้าวเอง

ข้าวของชาวนาในโครงการขาวนาขายข้าวเอง
มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ หลัก คือ

1.ข้าวที่ผ่านการตรวจรับรอง
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลแล้ว
(ข้าวที่สามารถส่งเข้ายุโรปและ
อเมริกาผ่านเทรดเดอร์)

ในการบริหารจัดการของวิสาหกิจชุมชน
การเก็บอยู่ในสภาพที่พร้อมแปรรูป

ดังภาพที่สาม คือ เก็บในจัมโบ้แบ๊ก
ความชื้นแห้งได้มาตรฐาน
มีลาเบล/แท็ก บ่งชี้ว่า
เป็นข้าวล็อตใด ของสมาชิกคนใด

อีไรซ์ฯ มีหน้าที่เพียงเชื่อมตลาด
ให้ระหว่างกลุ่มเกษตรกร และลูกค้า
ในรูปแบบ b2b(bisiness to business)
(ภาพที่สาม)

.

2.ข้าวที่อยู่“ระหว่าง”การตรวจรับรองมาตรฐาน
คือ ยังไม่ได้สถานะเป็นออแกนิค มีใบรับรอง
เพราะการตรวจรับรองมาตรฐาน(ยุโรป)

ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 4 ฤดูกาลปลูก
จึงจะมีโอกาสผ่านการตรวจรับรอง
(อิสาน ทำนาปี ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนด
ที่ค่อนข้างเคร่งครัดของ สนง.ตรวจฯ)

ข้าวกลุ่มนี้ เราเรียกว่า
“ข้าวระยะปรับเปลี่ยน”(transition)
หรือที่แอดมินชอบเรียกว่า“ข้าวปลอดสาร”
(ภาพที่หนึ่ง)

การที่เราขับเคลื่อน ผลักดันข้าวกลุ่มนี้
เพราะข้าว“อินทรีย์” ที่ผ่านการตรวจ
และได้รับการรับรองแล้ว
มีตลาดรองรับหมดแล้ว

กลุ่มวิสาหกิจรับซื้อจากสมาชิก
ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด

แต่ข้าวที่อยู่ระหว่างการขอตรวจรับรอง
ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม่ได้รับซื้อ
ทำให้เกษตรกรที่อยู่ระหว่างนี้

ต้องนำไปขายให้โรงสี
ในราคารับซื้อแบบข้าวทั่วไป
บางคนก็ถอดใจ เลิกทำไปเลยก็มี

พวกเรา จึงรับอาสา ช่วยขายและหาตลาดรองรับ
เพื่อให้ผลผลิตของเกษตรกรเหล่านี้มีที่ยืน
ก่อนจะผ่านการตรวจรับรอง
จนได้ขายข้าวราคาที่สูงกว่าเดิม

.

3.เกษตรกรที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ระบบการตรวจมาตรฐาน
ยังลังเล ว่าจะปลูกแบบเดิม ขายโรงสี หรือ
เข้าสู่ระบบอินทรีย์ เพื่อให้ข้าวมีคุณภาพ ราคาดี
กว่าการขายให้โรงสี ที่ราคาขึ้นลง ตามราคาตลาด

ต่างจากข้าวอินทรีย์ที่มีการซื้อ
แบบล่วงหน้าเป็น 2~3 ปีเลยทีเดียว
(ภาพที่สอง)

.

ทั้งนี้ระบบ“เคาะยุ้ง”ของเรา
สัมพันธ์ กับระบบ“ผูกปิ่นโต
ที่ทำให้ชาวนาในโครงการเก็บข้าวรอ
ปลูกแบบงดสารเคมี ยาฆ่าแมลงต่าง ๆ
ด้วยการประกันราคาให้ว่ารับซื้อสูงกว่าตลาด
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ

โดยในปีนี้ อีไรซ์ฯ กับ มทร.อิสาน วข.ทุ่งกุลาฯ
(ขอเรียกว่าวิทยาเขตทุ่งกุลาฯก็แล้วกัน)
จะสนับสนุนชาวนาชุดใหม่
ให้รวมกลุ่มให้เป็นวิสาหกิจชุมชน
เพื่อเข้าสู่ระบบการอบรมให้ความรู้ และ
เข้าสู่ระบบตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ที่เป็นสากล
(กลุ่มเพิ่มใหม่จาก เกษตรกรในข้อสาม)

.

ขอให้คนกินทุกท่าน มั่นใจได้ว่า
ข้าวของเรา ปลอดสาร
ไปจนถึงเป็นการข้าวอินทรีย์จริง
(ไม่ใช่เป็นข้าวอินทรีย์แค่คำพูดโฆษณา)