โครงการชาวนาขายข้าวเอง ช่วยชาวนาอย่างไร?

คำว่า“ช่วยชาวนา” คงเคยได้ยินกันบ่อย ๆ
แอดมินอยากขยายความให้ชัดเจนขึ้น
เพราะหลัง ๆ มานี่การตลาดออนไลน์
นอกจากจะเคลมกันว่าออแกนิคกันแล้ว
ยังนิยมใช้เวิร์ดดิ้ง(wording) ว่า“ช่วยชาวนา”
เยอะกันมาก จนบางที่คนเขางง สับสนกัน
(แม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ก็บอกว่าช่วยชาวนา)

.

อีไรซ์ฯ(e-rice อีไร้ซ์) ช่วยชาวนา
ในหลาย ๆ ด้านที่นอกเหนือจากการรับซื้อข้าว
ในราคาที่สูงกว่าโรงสีตามราคาตลาดทั่วไป

เช่น เขาซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิกันที่ กก ละ 10-12 บาท
เราซื้อที่ 16 บาท ถ้าเข้าสู่ระบบการตรวจรับรองเต็มตัว
ซื้อที่ 18~20 บาท/ กก ข้าวเปลือก เป็นต้น

.

การช่วยในมิติอื่น ๆ ที่ผมอยากเล่าให้ฟัง

เช่น

การให้ความรู้ด้านการจัดวางวิสัยทัศน์
กับกลุ่มที่รวมตัวกันมานาน แต่ยังไม่ไปถึงไหน
การให้ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์
ด้านการตลาดแบบขายออนไลน์เอง
(ภาพที่ 1-2)

.

บางเรื่องเราไม่มีความรู้
เราก็หาคนที่มีความรู้
หาหน่วยงานที่มีงบสนับสนุน
มาให้ความรู้แก่เกษตรกร
ทั้งที่อยู่ในโครงการ และไม่ได้อยู่ในโครงการ
ในการพัฒนาศักยภาพการปลูกข้าวหอมมะลิ
ให้ได้คุณภาพดี

ถ้าอยู่ในโครงการเรา
ก็ทำให้ข้าวมีคุณภาพดีขึ้นจากเดิม
ถ้าขายเข้าโรงสี หรือสีขายเอง
ก็รู้ต้นทุน กำไร ไปจนถึงการเพิ่มมูลค่าให้ข้าว

ดังภาพ 3~4~5
ที่ มทร.อิสาน~กรมการข้าว~สวทช.
จัดให้ความรู้การปลูกข้าวหอมมะลิ
แก่เกษตรกร 2 อำเภอ(จัดทุกปี)

เป็นต้น

.

นี่ไม่รวมกับการส่งเสริมพืชหลังนา
สำหรับกินเอง และขายตั้งแต่
ตลาดชุมชนไปจนถึงขายในโมเดิร์นเทรด
ที่สามารถช่วยสร้างรายได้แบบเป็นรูปธรรม
(ที่ร่ายยาวมานี่ คือเราทำได้แล้ว)

.

การทำงานต่าง ๆ ในนามของอีไรซ์ฯ
ถ้าพูดให้หล่อโลกสวย
คือการเอากำไรจากการขายข้าว(น้อยนิด)
มาใช้ขับเคลื่อนโครงการตลอดสิบปี
แต่ในความเป็นจริงคือ การลงขันกัน
ในกลุ่มทีมงานแอดมิน

มีทั้งผู้ประสงค์ออกตังค์
มีทั้งผู้ประสงค์ออกแต่แรง(แบบแอดมินนี่ไง)

เพราะอยากเห็นโครงการชาวนาขายข้าวเองยืนได้มั่นคง
เกษตรกรที่เข้ามา ผ่านโครงการออกไป
สามารถขายข้าวได้เองในราคาที่ดีกว่าขายให้โรงสี

นึกภาพง่าย ๆ
ขายข้าวได้แพงกว่าขายให้โรงสี
ตันละ 3~4 พันบาท,
ชาวนาก็แฮปปี้เห็นแสงสว่างแล้วครับ

หมายเหตุ :
ข้าวหอมมะลินาปี อิสานเด้อ
ดักไว้ก่อน พวก กนห มันเยอะ

www.e-ricethaifarmers.com
ไลน์ oa ไอดี @noom-na-kaow